ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผงชูรส ผลิตจากอะไรมีประโยชน์และโทษอย่างไร?

ผงชูรสผลิตจากแป้งมันสำปะหลังโดยขบวนการทางเคมี ซึ่งมีทั้งกระบวนการหมักและต้องใช้สารเคมีหลายตัว เช่น กรดกำมะถันหรือกรดซัลฟูริค กรดเกลือหรือกรดไฮโดรคลอริก ยูเรีย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในปัสสาวะของคน นอกจากนี้ยังต้องใช้โซดาไฟอีกด้วย

ผงชูรสไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับกรดกลูตามิค ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ไม่มีความจำเป็น เพราะร่างกายผลิตเองได้ จึงไม่มีคุณค่าทางอาหารแต่อย่างใดทั้งสิ้น อนึ่ง ผงชูรสเป็นสารเคมีคนละตัวกับกรดกลูตามิคที่มีอยู่ในธรรมชาติและในอาหารประเภทโปรตีน โดยที่ผงชูรสเป็นเกลือโซเดียมเช่นเดียวกับเกลือแกง เป็นคนละตัวกับกรดเกลือที่หลั่งอยู่ในกระเพาะอาหารเวลาหิว

พิษภัยและอันตรายของผงชูรสอาจแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
1. ส่วนที่เกิดจากโซเดียม
- ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายมนุษย์ลดลง
- ทำให้เกิดการคั่งในสมองเด็ก ซึ่งเมื่อเด็กโตขึ้นจะเป็นคนปัญญาอ่อน
- ทำให้เด็กทารกเกิดอาการชักโคมา ซึ่งบางครั้งแพทย์ไม่รู้สาเหตุ
อาจทำการรักษาผิดพลาดเป็นอันตรายได้
- เป็นภัยต่อหญิงมีครรภ์ทำให้ร่างกายบวม และยังมีพิษภัยต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิดด้วย
- อันตรายต่อผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น โรคไต ความดันสูง โรคหัวใจ และโรคอื่นๆ ที่แพทย์ห้ามกินของเค็ม
2. พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้
- ทำให้เกิดอาการแพ้ผงชูรส ซึ่งจะมีอาการชาและร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า โหนกแก้ม ต้นคอ หน้าอก บางคนมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามตัว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่สะดวก เป็นต้น
- ทำลายสมองส่วนหน้าที่เรียกว่าไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโต และระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย ทำให้การเจริญเติบโตช้า ปัญญาอ่อน ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เป็นหมัน อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลง ทั้งในเรื่องขนาดและน้ำหนัก
- ทำลายระบบประสาทตา
- ทำลายกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกาย อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้
- ทำให้ไวตามินในร่างกายลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวตามินบี-6 ทำให้ร่างกายผิดปกติและเป็นโรคผิวหนังได้ง่าย
- เกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผงชูรสที่ผ่านความร้อนสูงๆ เช่น การปิ้ง ย่าง เผา
- ทำลายระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System) ทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น
- เปลี่ยนแปลงโครโมโซม ทำให้ร่างกายเกิดวิรูปหรือผิดปกติ
- ถ้ากินมากจะผ่านเยื่อกั้นระหว่างรกภายในร่างกายของมารดากับทารกในครรภ์ได้
- ทำให้เด็กเล็กถึงตายได้ เด็กไทยอายุ 20 เดือนถึงแก่ความตาย เมื่อกินขนมครกโรยผงชูรสด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นน้ำตาล

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

technology




















http://www.google.co.th/search?q=technology&hl=th&biw=1280&bih=652&prmd=ivnsbl&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=izIXToLnHIaIrAekpdjPAQ&ved=0CGAQsAQ

โทรจันไวรัสแพร่กระจายผ่าน"เมาส์"ได้!!!

รายงานข่าวเช้านี้ อาจจะทำให้คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip หลายๆ ท่านต้องแอบหวั่นใจเล็กๆ เป็นแน่ เมื่อ Netragard บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ได้ทดลองแฮค "เมาส์" ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ให้มันสามารถแพร่กระจายโทรจันไวรัส หรือมัลแวร์ต่างๆ ได้ นอกเหนือจากการที่ตัวคุณเองจะพลัดหลงเข้าไปในเว็บไซต์อันตราย หรือเสียบแฟลชไดรฟ์ที่ติดไวรัส...โอ้ว พระเจ้า จอร์จช่วยซาร่าด้วย!!!

Netragard ได้ทดลองปรับแต่งฮาร์ดแวร์ของ"เมาส์"ที่เราใช้เสียบเข้ากับพอร์ต USB ใช้งานทุกเมื่อเชื่อวันให้มันสามารถแพร่กระจายมัลแวร์เข้าไปในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย "เมาส์ที่เราดัดแปลงภายในจะได้รับการติดตั้งไมโครคอนโทรลเลอร์ ไมโครยูเอสบีฮับ สายเคเบิ้ลมินิยูเอสบี แฟลชไดรฟ์ขนาดเล็ก และ"มัลแวร์"ที่ใช้แพร่กระจาย ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะไม่ต้องเป็นเมาส์ แต่เป็นอุปกรณ์ที่ผู้ใช้นำไปเสียบกับพอร์ตยูเอสบีได้โดยไม่สงสัยในตัวมัน โดยทันทีที่ผู้ใช้เสียบเมาส์อันตรายเข้ากับคอมพิวเตอร์ มัลแวร์ที่ทำขึั้นมาโดยเฉพาะก็จะติดเข้าไป และแพร่กระจายตัวเองต่อไปยังคอมพิวเตอร์เครื่้องอื่นๆ บนเครือข่ายต่อไป" Netragard กล่าว

ในโครงการทดลองนี้ ทางบริษัท Netragard ใช้เมาส์ Logitech USB โดยติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดข้างต้นไว้ภายใน ซึ่งแน่นอนว่า ภายในตัวมันจะมีแฟลชไดรฟ์ยูเอสบีขนาดเล็กที่เก็บมัลแวร์ไว้ภายใน อย่างไรก็ตาม แม้แฟลชไดรฟ์ดังกล่าวจะไม่ได้ใส่เข้าไปในเมาส์ Netragard กล่าวว่า มันก็ยังสามารถดึงมัลแวร์จากเว็บไซต์แทนได้ นอกจากนี้ ทางบริษัทยังพยายามทดลองทำให้มัลแวร์ที่อยู่ใน"เมาส์"หลุดรอดจากการไล่จับของแอนตี้ไวรัสซอฟต์แวร์อีกด้วย โดยเฉพาะไดอะล็อกบ๊อกซ์ที่โผล่ขึ้นมาให้ผู้ใช้ตอบว่า ยอมให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวนี้ หรือไม่ ซึ่งหากผ่านตรงนี้ไปได้ ผู้ใช้จะไม่ทันสังเกตอาการผิดปกติใดๆ ได้เลย Netragard ได้ทดลองส่งเมาส์ไปยังเป้าหมาย โดยอ้างว่าเป็นโปรโมชั่น เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อใช้มัน ไม่เกินสามวัน ทางบริษัทก็พบมัลแวร์ที่อยู่ในเมาส์ตัวดังกล่าวส่งข้อมูลกลับมายังบริษัท ทั้งหมดนี้ Netragard พยายามที่จะพิสูจน์ให้ตระหนักว่า ฮาร์ดแวร์ที่ดูเหมือนไม่มีภัยอะไร สามารถใช้เป็นพาหะในการแพร่กระจายโค้ดอันตรายได้เหมือนกัน

สัมผัสอินเตอร์เฟซ Windows 8 บน Win7

ในขณะที่หลายคนกำลังตื่นตาตื่นใจกับอินเตอร์เฟซใหม่ของ Windows 8 แต่เชื่อว่า กว่าจะได้ใช้กันก็อาจจะเป็นปลายปี 2012 โน่น ทีสำคัญหลายคนเพิ่งจะย้ายมาอยู่บน Windows 7 ได้ไม่นาน แต่ก็คุ้นเคยได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากอารมณ์ไม่ต่างจาก Vista แต่สเถียร และทำงานเร็วกว่า พอได้เห็น Windows 8 ก็ชักอยากจะลองอะไรที่ใหม่จริงๆ ข่าวดีคือ คุณอาจจะไม่ต้องรอถึงปีหน้า เพื่อสัมผัสประสบการณ์การใช้งาน Windows 8 ก็ได้
แม้ Windows 8 ที่มาพร้อมกับของเล่นใหม่ และ UI สวยหรู โดยใช้เทคโนโลยีการออกแบบล่าสุดของ Microsoft และหากพูดถึงเวอร์ชัน beta ก็คงจะต้องรออย่างน้อย 2 - 3 เดือน ซึ่งหากคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip รู้สึกรอไม่ได้ และอยากลองใช้ Windows 8 แล้ว ขอแนะนำ Windows 8 UX Pack 2.0 โปรแกรมทีสามารถเปลียน Windows 7 ของคุณให้มีอินเตอร์เฟซการใช้งานแบบ Windows 8 ได้ทันที สำหรับผู้ใช้ Windows Vista และ XP (หรือเก่ากว่านี้) คงต้องอัพเกรดเป็น Win7 ก่อนถึงจะใช้ได้
หลังจากดาวน์โหลด Windows 8 UX Pack 2.0 มาแล้ว ผู้ใช้จะต้อง unzip โปรแกรมติดตั้ง และดับเบิ้ลคลิก เพื่อเริ่มกระบวนการ setup โปรแกรมจะถามว่า คุณต้องการธีมของ Windows 8 แบบไหน? ซึ่งรวมถึงวอลล์เปเปอร์ของหน้าจอล็อกออน และวอลล์เปเปอร์บนเดสก์ทอป นอกจากนี้ คุณยังสามารถสั่งเปิด/ปิดคุณสมบัติของอินเตอร์เฟซ Windows 8 จากที่ตรงนี้ได้เช่นเดียวกัน หลังจากติดตังเสร็จแล้ว คุณก็จะพบว่า อินเตอร์เฟซ และคุณสมบัติการทำงานของมันจะเปลียนไปเป็นแบบเดียวกับที่พบเห็นบนคลิปวิดีโอสาธิต Windows 8 หากคุณต้องการกลับไปใช้ Windows 7 ตามเดิมก็เพียงแค่รันโปรแกรมอีกแล้ว แล้วเลือก Uninstall แทน เพียงแค่นี้ โปรแกรมก็จะถอด Windows 8 UI ออกไปจากระบบให้ทันที (* คำแนะนำคือ ควรจะ backup ข้อมูล เพื่อความปลอดภัย หากมีปัญหาเกิดขึ้น เนื่องจากมันมีการทำงานร่วมกับระบบของ Windows 7 โดยตรง)

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เรือเร็วดีไซน์"โลมา"ดำน้ำ-กระโดดได้

เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังครับ Innespace บริษัทผู้พัฒนาเร็วเร็วดีไซน์ล้ำที่จะทำให้คุณผู้อ่านต้องทึ่งในผลิตภัณฑ์ของพวกเขา เพราะมันคือ Seabreacher เรือเร็วที่มีดีไซน์รูปแบบ และลักษณะการเคลื่อนที่แบบเดียวกับ "โลมา" (แอบผสม"ฉลาม"เข้าไปด้วย) โดย Seabreacher สามารถดำน้ำ และเคลื่อนที่ด้วยคามเร็วสูง อีกทั้งยังสามารถกระโจนพ้นจากน้ำได้อีกด้วย...ว้าว!!!
Seabreacher ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1500cc (260 แรงม้า) ห้องบังคับด้านบนมีกระจกกันน้ำ และแรงกระแทก ลำตัวแบบโลมาพร้อมมีคลีบที่แข็งแรงถึง 6 อันด้วยกัน Seabreacher จะทำให้คุณลืมเรือเร็ว และเรือดำน้ำสำหรับบุคคลแบบที่เคยเห็นก่อนหน้านี้้ไปเลย ซึ่งหากดูจากคลิปที่นำมาฝากข้างล่างนี้ ยังจะเห็นอีกด้วยว่า มันสามารถบังคับได้ไม่ยากนัก 
Seabreacher จะมีความยาวทั้งลำ 17 ฟุต (5.18 เมตร) สามารถซิ่งบนผิวน้ำด้วยความเร็วสูงสุด 50 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 81 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และ 25 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 41 กิโลเมตรต่อชัวโมง) เมื่อดำน้ำ อีกทั้งยังสามารถกระโดดขึ้นพ้นน้ำได้ไกลถึง 18 ฟุต (ประมาณ 5.5 เมตร) ภายในห้องโดยสารที่มีลักษณะเป็นครอบแก้วปิดด้านบนจะมีระบบด็อคกิ้งสำหรับ iPod เพื่อเปิดเพลงฟัง และกล้องชมผิวน้ำด้านบน (กล้องแบบเรือดำน้ำ) ระบบดิจิตอลอีกด้วย (ดูจากหน้าจอ LCD ภายในห้องโดยสาร) พร้อมระบบ GPS สนนราคาลำละ 81,000 เหรียญฯ หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท วางตลาดช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้


ข้อมูลจาก: Seabreacher

 

ยูทูบเพิ่มบริการ"ตัดต่อวิดีโอ"บนเว็บ

รายงานข่าวเช้านี้ ยูทูบ (YouTube) ได้เพิ่มคุณสมบัติการทำงานใหม่ให้กับสมาชิกเว็บไซต์ฯ ด้วยการให้บริการตัดต่อวิดีโอ (video editor) จากในเว็บไซต์ยูทูบได้เลย ซึ่งมันเป็นคุณสมบัติการทำงานที่ผู้ใช้รอคอยมาหลายปีแล้ว การพัฒนาคุณสบัติการทำงานดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นอีกก้าวของผู้นำในบริการตัวจริงRushabh Doshi และ Josh Siegel วิศวกร และผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของยูทูบ ทั้งสองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริการ video editor โดยพวกเขาเปิดเผยเกี่ยวกับบริการใหม่นี้ว่า โปรแกรมตัดต่อวิดีโอบนยูทูบพัฒนาโดยใช้ JavaScript แม้จะมีรูปแบบที่เรียบง่าย แต่มันสามารถให้บริการตัดต่อวิดีโอขั้นพื้นฐานได้เป็นอย่างดี ผู้ใช้สามารถตัดแยกส่วนของวิดีโอที่เจ้าตัวอัพโหลดขึ้นไป เพื่อนำมันมาจัดเรียงลำดับต่อกันใหม่ และสามารถเลือกเพลงใส่เข้าไปในวิดีโอจากไลบรารี่ของยูทูบที่มีอยู่ 40,000 กว่าเพลงที่ผ่านการตรวจสอบแล้วได้อีกด้วย (ระบบนยังไม่เปิดให้อัพโหลดไฟล์เสียงเข้าไปได้เอง แต่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้ทำได้)

Siegel กล่าวว่า แก่นของแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังของ video editor ก็คือ การทำให้ผู้ใช้ได้ใช้คุณสมบัติพื้นฐานในการตัดต่อที่จำเป็นผ่านระบบ cloud computing โดยมุ่งเน้นให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกที่สุดแม้จะเป็นการทำงานจากในบราวเซอร์ก็ตาม ส่วน Doshi ก็ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า โครงการนี้ต้องการรักษาอินเตอร์เฟซที่เรียบง่าย และให้มันเบาที่สุด เพื่อให้ระบบการทำงานทั้งหมดไปอยู่ที่กระบวนการประมวลผลวิดีโอ ซึ่งทำงานอยู่บนระบบโครงสร้างพื้นฐานของกูเกิ้ล และด้วยความที่มันเป็นระบบที่ใช้งานง่าย ทำให้มันสามารถรันบนคอมพิวเตอร์ระดับกลางที่มีพลังประมวลผลไม่สูงนักได้ แม้กระทั่งการแก้ไขคลิปวิดีโอไฮเดฟฯสั้นๆ เนื่องจากการประมวลผลส่วนใหญ่จะทำบนระบบ cloud ของกูเกิ้ล ไม่ได้อยู่บนเครื่องขอผู้ใช้ ซึ่งแตกต่างจากซอฟต์แวร์ตัดต่อไฮเอ็นด์ที่พึ่งพิงพลังประมวลผลจากคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เป็นหลัก นอกจากความสามารถในการตัดต่อและใส่เสียงจากไลบรารีของยูทูบเข้าไปได้แล้ว ทั้งคู่ยังมีเตรียมที่จะเพิ่มคุณสมบัติการทำงานใหม่ๆ เข้าไปด้วยอย่างเช่น ทรานสิชั่น (รูปแบบการเปลี่ยนผ่านในแต่ละคลิปย่อยที่ตัด) เอฟเฟกต์ ไตเติ้ล และการแยกแทรคเสียงในการตัดต่อด้วย สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจสามารถเข้าไปทดลองใช้งานได้ที่ http://www.youtube.com/editor


i'mWatch นาฬิกาพลัง Android ที่เล่น Facebook/Twitter/Foursquare ได้

บริษัท Blue Sky Srl จากอิตาลีเปิดตัวนาฬิกา i'mWatch ซึ่งโฆษณาว่าเป็น "smartwatch" ตัวแรกของโลก
i'mWatch เป็นนาฬิกาจอสัมผัสขนาด 1.54" ความละเอียด 240x240 พิกเซล, หน่วยความจำ 64MB, พื้นที่เก็บข้อมูล 4GB, เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกผ่าน Bluetooth, มันสามารถโทรศัพท์ได้ในตัวผ่านสปีกเกอร์โฟน, คุยได้นาน 2 ชม. และสแตนด์บายได้ 40 ชม. (สเปกอย่างละเอียด)
ระบบปฏิบัติการเป็น Android รุ่นดัดแปลง พร้อมพรีโหลดแอพชื่อดังมาจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น Facebook/Twitter/MySpace/Foursquare และนาฬิกาสามารถต่อเชื่อมกับ iPhone 4/Android/BlackBerry เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้

ผู้สร้าง i'mWatch ยังจะเปิดร้านขายแอพของตัวเองชื่อ i'm store และเปิดให้นักพัฒนาเข้ามาสร้างแอพบนนาฬิกาตัวนี้อีกด้วย
นาฬิกามีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบมาตรฐานที่ทำด้วยอลูมิเนียม และแบบหรูหราที่ใช้ทองคำหรือไททาเนียมเป็นวัสดุ รุ่นมาตรฐานมีให้เลือก 7 สี ราคา 249 ยูโรหรือประมาณ 11,000 บาท


http://www.youtube.com/watch?v=nF_XiCApFe8&feature=player_embedded

คนไทยทำหุ่นยักษ์ TF ดังไปทั่วโลก!!!



รายงานข่าวนี้ ทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ขอชื่นชมในความสามารถของคนไทยด้วยกัน โดยล่าสุด ประติมากรสาว อัญชลี แสงไท และทีมงานได้สร้างสรรค์หุ่นยนต์ออโต้บ็อทจากภาพยนต์เรื่อง Transformers ขนาดยักษ์ด้วยซากรถยนต์ และรถกระบะ ซึ่งผลงานของเธอเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของ Ripley จนต้องนำออกแสดงในหลายประเทศทั่วโลก


หุ่นยนต์จากภาพยนต์เรื่อง Transformers ไม่ว่าจะเป็น Optmus Prime และ Bumblebee ได้ถูกสร้างขึ้นจากซากรถยนต์ และรถกระบะ โดยใช้เครื่องมือง่ายๆ ในการเชื่อมชิ้นส่วนจากซากรถทั้งหมดที่รวบรวมมาได้จนกลายเป็นหุ่นยนต์จากอภิมหาภาพยนตร์ที่มีความสูง 8 ฟุต (2.4 เมตร) และ 19 ฟุต (5.7 เมตร) ซึ่งหุ่นยนต์ทั้งสอง ทาง Ripley's Believe It or Not จะนำออกแสดงรอบโลกช่วงซัมเมอร์นี้



ทาง Ripley กล่าวว่า ผลงานของอัญชลีเป็นประติมากรรมที่น่ามหัศจรรย์มากที่สุดเท่าที่เคยพบมา อีกทั้งยังชื่นชมในความสามารถของเธอ และทีมงานที่ใช้แค่ชิ้นส่วนซากรถกับเครื่องมือง่ายๆ ในการสร้างหุ่นยนต์ทั้งสอง โดยทางบริษัทได้นำหุ่นยนต์ Bumblebee ไปโรดโชว์ที่ Louis Tussaud ใน San Antonio และ Texus ในขณะที่ Optimus Prime จะจัดแสดงอยู่ที่ Odditorium ของ Ripley ใน San Francisco ก่อนที่จะนำไปแสดงต่อที่สาขานิวยอร์ก ลอนดอน เซาท์แคโรไลน่า และเกาะเจจูในเกาหลีใต้ ก่อนที่หุ่นยนต์ยักษ์ทั้งสองจะถูกนำไปแสดงใน Hollywood Odditorium ปลายปีนี้ ฟังแล้วน่าชื่นใจนะครับ

เค้กหุ่นยักษ์ Transformers หนัก 1 ตัน

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ต้องยอมรับว่า การโปรโมทภาพยนตร์ Transformers 3 ปรากฎออกมาให้เห็นหลากหลายรูปแบบจริงๆ ตั้งแต่ การขี่กระแสจันทรุปราคา โฆษณากระดาษดับเบิ้ลเอ ซึ่งมาพอดีกับข่าวสาวไทยสร้างหุ่นยักษ์ Transformers จากซากรถที่โชว์ใน Ribley ล่าสุดมีรายงานข่าวการทำเค้กหุ่นยักษ์ Bumblebee พร้อมรถ Chevy Camaro เพื่อโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง Transformers: Dark of the Moon ของ Michael Bay โดยเค้กดังกล่าวมีน้ำหนักถึง 2,000 ปอนด์ (เกือบ 1 ตัน) และมีความสูง 12 ฟุต (ประมาณ 3.7 เมตร)

ผลงานชิ้นยักษ์นี้เป็นของ Buddy Valastro นักออกแบบเค้กขั้นเทพ และดาราดังในรายการเรียลิตี้โชว์ Cake Boss ทาง TLC โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจในการทำเค้ก Bumblebee หลังจากได้มีโอกาสขับ Camaro คันใหม่ แต่เนื่องจากเค้กหุ่นยักษ์ Bumblebee มีขนาดที่ใหญ่มาก ทำให้เขาไม่สามารถอบภายในร้านได้ ทีมงานจึงต้องอบ และทำเค้กที่ด้านนอกของร้าน ความจริงเคยมีการทำหุ่นยักษ์ Transformers ที่ตัวใหญ่กว่านี้มาแล้ว แต่ไม่ใช่ผลงานของเขา อย่างไรก็ดี ประเด็นที่น่าสนใจกว่าก็คือ มันเป็นผลงานการออกแบบ และสร้างสรรค์เค้กทีเนี้ยบมากๆ โดยเฉพาะการเพิ่มกลไกของปีก (ประตูรถยนต์) ที่สามารถขยับได้อีกด้วย ว่าแต่การที่จะเขมือบเจ้า Bumblebee ตัวนี้หมดต้องใช้กี่คนกันล่ะเนีย แล้วรสชาติของมันจะอร่อยไหม แต่ที่แน่ๆ มันได้กระแสข่าวโปรโมทไปเรียบร้อยแล้ว